นวัตกรรมผลงานวิจัยจุฬาฯสู่ชุมชน จ.น่าน |
|
|
|
|
คณะวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ นำโดย รศ.นสพ.ดร.วิชัย ทันตศุภารักษ์ และ ศ.นสพ.ดร.มงคล เตชะกำพุ ร่วมมือกับ กศน.เมืองน่าน
ในโครงการกองทุนหมูอินทรีย์ ประจำหมู่บ้าน ซึ่งผลการดำเนินงาน๔ เดือนแรกช่วยเพิ่มผลผลิตลูกหมูให้เกษตรกร จากสุกร แม่พันธุ์ ๑๐ ตัว
ที่ผ่านการผสมเทียมให้ผลผลิตลูกหมูมีชีวิต ๗๗ ตัว เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายหมู ครอกแรก ๑๒๖,๐๐๐ บาท หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย รายละ ๑๔,๐๐๐ บาท
เกษตรกรตามโครงการหมูอินทรีย์มีผลกำไรจากการจำหน่ายหมูเฉลี่ยตัวละ ๒,๐๐๐ บาท ผลสำเร็จของโครงการฯมีส่วนในการ สร้างรายได้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น
และส่งเสริมความรู้ในการเลี้ยงหมูอย่างถูกสุขลักษณะ |
|
|
|
น้ำมัน จากยางและพลาสติกใช้แล้ว ผลงานช่วยชาติในยามวิกฤติ โดยวิทยาลัยปิโตรเลียม จุฬาฯ |
|
ผศ.ดร.ศิริรัตน์ จิตการค้า อาจารย์ประจำวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี เจ้าของงานวิจัย
การผลิตเชื้อเพลิงเหลวจาก
ขยะพลาสติกและยาง
โดยใช้กระบวนการไพโรไลซิส
มองว่าน่าจะมีพลังงานทดแทนอย่างอื่นนอกจาก
ไบโอดีเซล และประเทศเราก็มีปัญหาทางด้านขยะ
และจากการศึกษาปริมาณขยะพลาสติกในพื้นที่นำร่องพบว่า
บริเวณกรุงเทพมหานคร
มีขยะพลาสติกราว 6 แสนตัน/ปี บริเวณเขตเทศบาลสมุทรปราการมีปริมาณ
4 พันตัน/ปี และจังหวัดนครปฐมมีปริมาณเกือบ 1 หมื่นตัน/ปี การนำไปเผาทิ้งหรือฝังกลบก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา
มากนัก หรือขยะจำพวกยาง
แม้จะนำไปทำรองเท้าหรือกระถางต้นไม้ แต่ถึงที่สุดแล้วก็กลับไปเป็นขยะเช่นเดิม
จึงน่าจะมีวิธีการที่ดีกว่า
หลักการในการผลิตน้ำมันด้วยวิธีนี้คือจะเผายางหรือพลาสติกนั้นโดยไม่ใช้ออกซิเจน
ผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมาจะได้น้ำมันที่มีคุณสมบัติเหมือน
น้ำมันเตา ซึ่งทั้งน้ำมันพลาสติกและยางต่างก็เป็น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) แต่แตกต่างกันที่ความยาวของสายโซ่ของ
สารประกอบ
ยางและพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากสารมอนอเมอร์ (Monomer) ของปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงจากยางหรือพลาสติกนี้ ผศ.ดร.ศิริรัตน์ กล่าวว่าเป็นวิธีที่หลายประเทศทำอยู่แล้ว ซึ่งบางประเทศให้ความสำคัญ
และบางประเทศก็มองข้ามไปเนื่องจากไม่คุ้มทุน แต่บางประเทศอย่างไต้หวันสามารถผลิตน้ำมันจากยางที่มีประสิทธิภาพคือได้เป็นน้ำมันเบนซิน
ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการลงทุน
ทั้งนี้การผลิตน้ำมันจากขยะทั้งหลายของ ผศ.ดร.ศิริรัตน์นี้ มุ่งที่จะพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันที่ได้จากขยะ
ให้ดีขึ้น และที่ไต้หวันสามารถผลิตน้ำมันเบนซินเนื่องจากสามารถผลิตตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีคุณภาพและเป็นความลับที่ไม่เปิดเผย
ซึ่งผศ.ดร.ศิริรัตน์ก็กำลังพยายามพัฒนาเพื่อที่จะได้น้ำมันที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งในการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาของ ผศ.ดร.ศิริรัตน์มีอยู่ 2 วิธี
ีคือ 1. สังเคราะห์ขึ้นมาเอง และ 2. นำตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีมาดัดแปลงโดยการเพิ่มธาตุต่าง ๆ ในตารางธาตุลงไป
เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผศ.ดร.ศิริรัตน์ได้ลองใช้ซูเปอร์เอซิด (Super acid) หรือสารประกอบออกไซด์ของกรดยิ่งยวด
ผสมลงไปในน้ำมันที่ได้จากการเผายาง ซึ่งได้น้ำมันที่มีคุณสมบัติดีขึ้น จากน้ำมันเตาได้น้ำมันที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลและได้แก๊สโซลีน
เพิ่มขึ้น อีกทั้งน้ำมันที่ผลิตขึ้นได้นี้ยังสามารถนำไปใช้ได้จริงกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล แต่ยังไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้กับรถยนต์เพราะต้องมี
การพัฒนาคุณสมบัติต่อไป |
|
|
|
นักวิจัยจุฬาฯ คิดค้นนวัตกรรมผลิตเอทานอลบริสุทธิ์ ด้วยแผ่นเยื่อบางซีโอไลท์ชนิดโซเดียม เอ |
|
แก๊สโซฮอล์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นส่วนผสมระหว่างเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๙.๕ ขึ้นไปผสมกับน้ำมันเบนซิน
ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกทดแทนน้ำมันเบนซิน มีข้อดีคือมีโครงสร้างทางเคมีของแอลกอฮอล์ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ สามารถช่วย
ลดมลพิษทางอากาศได้ และมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป
รศ.สุจิตรา วงษ์เกษมจิตต์ อาจารย์ ประจำวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาฯ หนึ่งในคณะวิจัยที่คิดค้น
นวัตกรรมการผลิตเอทานอลบริสุทธิ์เท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ ๙๙.๕ โดยการใช้แผ่นเยื่อบางซีโอไลท์
ชนิดโซเดียม - เอ กล่าวว่า เอทานอลเป็นพลังงานทดแทนชนิดหนึ่งที่ประเทศไทยสามารถผลิตเองได้จากการหมักและ
กลั่นผลิตผลทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฯลฯ โดยเริ่มแรกได้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในสัดส่วนร้อยละ ๕
หรือ เรียกว่าแก๊สโซฮอล์ E5 ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายที่จะผลิตแก๊ส โซฮอล์ E20 คือ ผสมเอทานอลบริสุทธิ์ในน้ำมันร้อยละ
๒๐ เอทานอลบริสุทธิ์จึงมีความสำคัญต่อประเทศในด้านพลังงาน มากขึ้นทุกวัน หากสามารถผสมลงในน้ำมันในสัดส่วนที่
ยิ่งมาก ก็จะยิ่งช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย และทำให้
เงินตราหมุนเวียนอยู่ในประเทศอีกด้วย ส่วนประเทศอื่นๆก็มีการตระหนักถึงความสำคัญของเอทานอลบริสุทธิ์มากขึ้น โดย
เฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่มีนโยบายว่าในอนาคตจะใช้เอทานอลบริสุทธิ์แทนน้ำมันเชื้อเพลิง และประเทศบราซิลก็มีการใช้
แก๊สโซฮอล์ E100 ซึ่งก็คือเอทานอลบริสุทธิ์อย่างเดียว
รศ.สุจิตรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตเอทานอลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติให้ผลิตเอทานอล
เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทั้งสิ้น ๔๕ โรงงาน มีกำลังผลิตรวมประมาณ ๑๑ ล้านลิตรต่อวันซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีอย่างน้อย ๑๕ ล้านลิตรต่อวัน
วิธีการผลิตที่นิยมใช้คือการกลั่น โดยนำเอทานอลที่ได้จากการหมักผลิตผลทางการเกษตรซึ่งมีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๑๒ มากลั่นด้วยพลังงานค่อนข้างสูง
จนได้ความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๕.๕ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในโรงงานผลิตสุราหรือผลิตสารปิโตรเคมีได้ แต่ยังไม่สามารถผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงได้ เนื่องจาก
ต้องมีความบริสุทธิ์อย่างน้อยร้อยละ ๙๙.๕ โรงงานจึงต้องทำการกลั่นซ้ำ ทำให้ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น บางโรงงานจะใช้สารเคมีบางชนิดดูดซับน้ำจาก
เอทานอล แต่สารชนิดนี้มีราคาแพงและต้องใช้พลังงานความร้อนในการแยกน้ำ
รศ.สุจิตรา กล่าวถึงงานวิจัยดังกล่าวว่าการผลิตเอทานอลบริสุทธิ์เท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ ๙๙.๕ โดยการใช้แผ่นเยื่อบางซีโอไลท์
ชนิดโซเดียม - เอ ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับประเทศไทย แต่มีใช้อยู่แล้วในประเทศญี่ปุ่นและจีนโดยแผ่นเยื่อบางดังกล่าวสามารถสังเคราะห์ขึ้นมา
เองจากสารตั้งต้นคือซิลิกาและอะลูมิน่า ซึ่งหาได้ในประเทศไทยและมีราคาถูก
แผ่นเยื่อบางที่ได้จะมีความทนทานใช้ได้นานและใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
จากการทดลองสามารถผลิตเอทานอลบริสุทธิ์
ได้เฉลี่ยร้อยละ ๙๙.๗ และมีหลายครั้งที่ผลิตได้ถึงร้อยละ ๑๐๐ ทำให้
เอทานอล บริสุทธิ์ที่ได้เหลือ
ปริมาณน้ำอยู่น้อยมาก ประมาณร้อยละ ๐.๑ เท่านั้น จึงไม่มีอันตรายต่อเครื่องยนต์ แม้จะใช้เป็น E100 เหมือนประเทศบราซิลก็ตาม วิธีการนี้สามารถ
ประหยัดพลังงาน ได้ประมาณ ๓ - ๗ เท่า เมื่อเทียบกับวิธีการผลิตเอทานอลบริสุทธิ์ที่ใช้ในปัจจุบัน ขณะนี้งานวิจัยยังอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ ที่
ผ่านมา มีเจ้าของธุรกิจหลายรายที่สนใจจะนำชุดแผ่นเยื่อบางนี้ไปใช้จริง ผลงานวิจัยนี้ยังต้องมีการปรับปรุงผลงานเพื่อใช้ในระดับงานอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีเตรียมแผ่นเยื่อบางและสร้างปฏิกรณ์สำหรับแยกน้ำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งต้องสร้างปฏิกรณ์สำหรับสร้างแผ่นเยื่อบาง
สำหรับการต่อยอดงานวิจัยในอนาคต รศ.สุจิตรา กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะนำแผ่นเยื่อบางดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ใช้ในการแยกน้ำ
ออกจากน้ำเสียซึ่งมีสารอินทรีย์อยู่จำนวนมาก เป็นต้น นอกจากนี้จะทำการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิวทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักวัสดุ
ทางเกษตรเช่นเดียวกับเอทานอล แต่มีจุดเดือดสูงกว่าและเป็นสารที่ไม่ชอบน้ำ หากสามารถนำไปใช้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงแทนเอทานอลได้ ก็จะทำให้
กระบวนการผลิตง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งในต่างประเทศกำลังมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวบิวทานอลว่าวิธีการหมักแบบใดที่จะผลิตบิวทานอลได้
มากที่สุด |
|
|