เนื่องในโอกาสครบรอบ ๙๓ ปีแห่ง การสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการประชุมวิชาการระดับชาติขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง "พอเพียง โลกเย็น" เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ ห้อง ๒๑๒ อาคารมหิตลาธิเบศร เพื่อสนองพระราช ปณิธานและตามรอยพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนรวมพลังและศักยภาพของทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัยดำเนินการในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เผยแพร่สู่ประชาคมจุฬาฯ สังคม และประเทศชาติ
ในงานมีการบรรยายในหัวข้อ "บทบาทของมหาวิทยาลัยในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดย ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัย "นโยบายของจุฬาฯในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดย ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี รวมทั้งมีการบรรยายโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิของจุฬาฯในสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ "ความรู้ด้านภูมิอากาศเพื่อความพอดีของการพัฒนา" โดย ผศ.ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลง ของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ความยั่งยืนของพลังงานไทยภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพลังงาน "พอเพียง โลกเย็น" โดย ผศ.ชาญชัย ลิมปิยากร ผู้อำนวยการอาศรมพลังงาน เขาใหญ่ "พอเพียงกับหมอกควัน" โดย รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม "งานวิจัยกับความพอเพียง : นาน้อยที่หอยเมิน" โดย รศ.ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ "ความพอเพียงในการใช้พลังงาน" โดย ศ.ดร.สุนทร บุญญาธิการ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาคาร และสิ่งแวดล้อม และ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง : คุณค่าความหมายและการนำมาปฏิบัติ" โดย แม่ชีวิมุตติยา (รศ.ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง)
ทั้งนี้ได้มีการจัดทำหนังสือชุดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลำดับที่ ๑ พร้อมซีดีซอฟต์แวร์คำนวณการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน แจกให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมด้วย ซึ่งมีผู้สนใจและสื่อมวลชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี กล่าวถึง "นโยบายของจุฬาฯในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ว่าที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้สร้างองค์ความรู้ โครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลากหลายสาขาวิชา ซึ่งกระจายอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่างๆ มาประชุมระดมสมองในรูปของฟอรัมเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเริ่มจากแผนการดำเนินงานด้านพลังงาน ซึ่งเป็นที่มาของการประชุมวิชาการระดับชาติ เรื่อง "พอเพียง โลกเย็น" ในครั้งนี้
อธิการบดี ได้กล่าวถึงตัวอย่างโครงการเพื่อลดภาวะโลกร้อนและแก้วิกฤติพลังงาน ได้แก่ โครงการด้านพลังงานทดแทน และการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี (นวัตกรรมผลิตเอทานอลบริสุทธิ์ การจัดการขยะเปลี่ยน เป็นน้ำมันหรือพลังงานในรูปแบบอื่น) สถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ (การคิดค้น "ดินเผานาโน") สถาบันวิจัยพลังงาน (การผลิตก๊าซชีวภาพ จากขยะเศษอาหาร)
ในด้านงานวิจัยของจุฬาฯ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๗ Clusters เป็นการเชื่อมโยงงานวิจัยเข้ากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีจำนวน ทั้งสิ้น ๒๐ เรื่อง เช่น โครงการวิจัย "การพัฒนาผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยของอาหาร" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กับมูลนิธิชัยพัฒนา ฯลฯ
ในด้านหลักสูตรและการเรียนการสอน มีการเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตร เพื่อสร้างผู้ประกอบการเกษตรใหม่ที่ยังไม่เคยมีในสังคมไทย ในหมวดรายวิชาศึกษาทั่วไปมีรายวิชาที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงหลักสูตรนานาชาติทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาด้วย ในส่วนของวิทยานิพนธ์ของนิสิตระดับ บัณฑิตศึกษามีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยตรง รวมทั้งสิ้น ๓๔ เรื่อง
ด้านกิจกรรมนิสิต มีการสร้างกิจกรรมต่างๆเพื่อให้นิสิตได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการ กรุงไทยต้นกล้าสีขาว โครงการ Chula SIFE โครงการเฉลียวดิน ฯลฯ
ในด้านบริการวิชาการ ได้มีการพัฒนางานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ธรรมชาติวิทยาและวิทยาศาสตร์ ประยุกต์ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนแถบลุ่มน้ำน่าน และนำผลจากงานวิจัยมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้นำชุมชนและเยาวชนในท้องถิ่น รวมทั้งศูนย์นวัตกรรมเพื่อบริการวิชาการแก่ชุมชนน่าน มีการนำโครงการวิจัยให้บริการแก่ชุมชน
"จากปัจจุบันจนถึงอนาคตเมื่อจุฬาฯ จะมีอายุครบ ๑๐๐ ปี ในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะระดม สรรพกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งความพอเพียง เพื่อดำเนินรอยตามพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ประเทศไทย และได้ทรงตรากตรำพระวรกายเพื่อปฏิบัติ เป็นแบบอย่างมาตลอดพระชนม์ชีพ" อธิการบดี กล่าวในที่สุด
ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัย กล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียงว่ามีองค์ประกอบ ๕ ประการ ได้แก่ ๑.ความพอเพียง ความพอดี ทางสายกลาง ๒.ความถูกต้อง ความมีเหตุผล มีหลักฐาน การใช้ความรู้และเหตุผล และการกระทำเป็นขั้นตอน ๓.ภูมิคุ้มกันต่อความไม่แน่นอนและต่ออนาคต ๔.ความรู้และปัญญา ๕.คุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มหาวิทยาลัยมีบทบาทหน้าที่ ๖ ประการดังนี้ ๑.บทบาทในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและปรับใช้ในวิชาการด้านต่างๆ ๒.บทบาทในการนำเข้าความรู้และการประเมินเทคโนโลยี ๓.บทบาท ในการวิจัยเพื่อสร้างความรู้ใหม่และทางเลือกใหม่ที่เสริมสร้างความพอเพียง ๔.บทบาทในการจัดการเรียนการสอน และการสร้าง บัณฑิตที่พอดีสำหรับอนาคต ๕.บทบาทในการให้บริการวิชาการที่มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจพอเพียง ๖.บทบาทในการชี้นำ และเป็นผู้นำทางปัญญาในสังคมที่พอเพียง
นายกสภามหาวิทยาลัยกล่าวทิ้งท้ายว่า การที่จุฬาฯจะดำเนินการในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องเริ่มจากการมีความ พอเพียงในจุฬาฯ มีค่านิยมที่ถูกต้อง ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟื้อฟุ่มเฟือย จุฬาฯและมหาวิทยาลัยต่างๆจำเป็นต้องสร้างหลักจริยธรรมใหม่ สำหรับเทคโนโลยีและสังคมใหม่ เศรษฐกิจพอเพียงจะต้องเป็นค่านิยมหลักของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเป็นการสนอง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานสิ่งนี้เป็นคำตอบให้กับสังคมไทย |